ทำไมต้องล้างแล้วเคลือบสีด้วย... ล้างอย่างเดียวไม่ได้หรือ...? ข้อดีที่คนส่วนใหญ่มองข้ามของการ "เคลือบสีรถ" หลังล้าง
อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงเลยครับ ที่พบเจอค่อนข้างบ่อย
ลูกค้าส่วนมาก เข้ามาที่ร้าน และแน่นอนว่าเลือกใช้บริการที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือ การล้างสีดูดฝุ่น
ซึ่งก็เป็นงานบริการหลักของคาร์แคร์ทุกที่อยู่แล้วครับ
แต่เรื่องที่น่าสงสัยและคนส่วนใหญ่ไม่น่าจะรู้คือ...
การเคลือบสีนั้น...มีประโยชน์มากนักครับ
แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ ไม่ทราบ
และถามเรากลับว่า ทำไมต้องเคลือบด้วย
หรือ... ไม่เคลือบดีกว่า เพราะเดี๋ยวฝนก็ตก
จริงๆแล้วต้องบอกว่า เพราะฝนตกนั่นแหละครับ เราถึงควรเคลือบสีรถ
เพราะว่าการเคลือบสีนั้น ก็คือการเคลือบผิวของตัวรถ ไว้ด้วยฟิล์มเคลือบบางๆ ที่นอกจากจะช่วยให้รถดูเงางามขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มการปกป้องผิวสีของรถจากน้ำและฝุ่นละอองในอากาศด้วยครับ
ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่า เคลือบไป เดี๋ยวพอฝนตก เคลือบก็หาย
ใช่ครับ แต่ไม่ต้องให้ฝนตกหรอกครับ ขับรถไปสักพัก ต่อให้ฝนไม่ตก อีกไม่กี่อาทิตย์ ผิวเคลือบก็จะหายไปเช่นกัน
แต่มันก็ดีว่าไม่ได้เคลือบอะไรบนรถเลย
เพราะเหมือนเราอาบน้ำนั่นแหละครับ
อาบเสร็จ เราออกมาแต่งตัวออกไปข้างนอก
ทีนี้ พอเราเจอแดดเจอลมเจอฝน ผิวเราก็เสีย
ไม่ต่างอะไรกับรถครับ
การเคลือบสีนั้น ช่วยปกป้องผิวของรถ ปกป้องสี และยืดอายุของผิวสีรถได้เป็นอย่างดีที่สุดแล้วครับ
สังเกตุจากรถลูกค้าส่วนน้อยมากๆ ที่รักรถ และล้างรถเอง เคลือบสีรถเองบ่อยๆ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานหลายปี แต่สีรถก็ยังดูเหมือนใหม่
เพราะสารเคลือบนั้น ช่วยปกป้องผิวสีของรถครับ รอยขนแมว รอยขีดข่วน คราบน้ำ ฝุ่นละออง ก็จะเกาะน้อยกว่ารถที่ไม่ค่อยได้เคลือบแน่นอนครับ
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นความแตกต่างในระยะเวลาสั้นๆ แต่หากลองได้เคลือบเป็นระยะๆอย่างสม่ำเสมอแล้ว ย่อมเห็นผลในระยะยาวแน่นอนครับ
จะให้ดีนั้น ควรจะเคลือบทุกๆครั้งหลังจากล้างรถ
แต่ถ้าไม่สะดวก การเคลือบเดือนละครั้ง ก็ย่อมดีกว่าไม่เคลือบเลยครับผม
ข้อเสียอีกอย่างนึงของการที่ไม่ค่อยจะเคลือบสีเลยคือ
เวลาเราไปเจอสิ่งสกปรก ติดกับผิวรถ ตกค้างอยู่ แล้วเราไม่เจอมัน ไม่ได้ล้างมันออก เช่น ยางมะม่วง หรือยางมะตอย อันนี้สิครับ อันตรายของจริง
เพราะสารพวกนี้ จะกัดผิวรถ กินชั้นแลคเกอร์ และกินผิวสีรถ จนถึงเนื้อโลหะของตัวรถ และสร้างสนิมในเวลาต่อมา
เราจึงจะเห็นได้ในบางครั้ง กับรถเก่าๆหน่อย ที่มีสนิมที่ตัวผิวรถเลย ด้านบนหลังคาบ้าง กระโปรงหน้าบ้าง นั่นเพราะส่วนใหญ่เราไม่ได้เคลือบสีให้มันนั่นเองครับ การปกป้องที่น้อยเกินไป แถมยังไม่ค่อยอาบน้ำล้างสิ่งสกปรกให้มันอีก ก็เหมือนคนเราครับ ถ้าไม่ได้อาบน้ำบ่อยเท่าที่ควร สักพก สิ่งสกปรกก็จะก่อให้เกิดเชื้อโรค และทำลายผิวหนังเราเข้าในสักวันหนึ่งแน่นอนครับผม ^^
เพราะงั้น ถ้าทำได้
แนะนำให้เคลือบสีรถ เป็นระยะๆจะดีกว่านะครับ
แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำบ่อยๆ ก็นี่เลยครับ เคลือบแก้ว
ปกป้องได้ดีสุดละครับ อยู่กันไปยาวๆ ไม่ต้องดูแลกันมากเท่าปกติแน่นอนครับผม ^^
เพื่อให้รถเราสีสวยๆ อยู่กับเราไปนานๆนะครับ
เคลือบสีรถยนต์
เคลือบเงารถยนต์
เคลือบแก้วรถยนต์
ลูกค้าส่วนมาก เข้ามาที่ร้าน และแน่นอนว่าเลือกใช้บริการที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือ การล้างสีดูดฝุ่น
ซึ่งก็เป็นงานบริการหลักของคาร์แคร์ทุกที่อยู่แล้วครับ
แต่เรื่องที่น่าสงสัยและคนส่วนใหญ่ไม่น่าจะรู้คือ...
การเคลือบสีนั้น...มีประโยชน์มากนักครับ
แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ ไม่ทราบ
และถามเรากลับว่า ทำไมต้องเคลือบด้วย
หรือ... ไม่เคลือบดีกว่า เพราะเดี๋ยวฝนก็ตก
จริงๆแล้วต้องบอกว่า เพราะฝนตกนั่นแหละครับ เราถึงควรเคลือบสีรถ
เพราะว่าการเคลือบสีนั้น ก็คือการเคลือบผิวของตัวรถ ไว้ด้วยฟิล์มเคลือบบางๆ ที่นอกจากจะช่วยให้รถดูเงางามขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มการปกป้องผิวสีของรถจากน้ำและฝุ่นละอองในอากาศด้วยครับ
ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่า เคลือบไป เดี๋ยวพอฝนตก เคลือบก็หาย
ใช่ครับ แต่ไม่ต้องให้ฝนตกหรอกครับ ขับรถไปสักพัก ต่อให้ฝนไม่ตก อีกไม่กี่อาทิตย์ ผิวเคลือบก็จะหายไปเช่นกัน
แต่มันก็ดีว่าไม่ได้เคลือบอะไรบนรถเลย
เพราะเหมือนเราอาบน้ำนั่นแหละครับ
อาบเสร็จ เราออกมาแต่งตัวออกไปข้างนอก
ทีนี้ พอเราเจอแดดเจอลมเจอฝน ผิวเราก็เสีย
ไม่ต่างอะไรกับรถครับ
การเคลือบสีนั้น ช่วยปกป้องผิวของรถ ปกป้องสี และยืดอายุของผิวสีรถได้เป็นอย่างดีที่สุดแล้วครับ
สังเกตุจากรถลูกค้าส่วนน้อยมากๆ ที่รักรถ และล้างรถเอง เคลือบสีรถเองบ่อยๆ แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานหลายปี แต่สีรถก็ยังดูเหมือนใหม่
เพราะสารเคลือบนั้น ช่วยปกป้องผิวสีของรถครับ รอยขนแมว รอยขีดข่วน คราบน้ำ ฝุ่นละออง ก็จะเกาะน้อยกว่ารถที่ไม่ค่อยได้เคลือบแน่นอนครับ
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นความแตกต่างในระยะเวลาสั้นๆ แต่หากลองได้เคลือบเป็นระยะๆอย่างสม่ำเสมอแล้ว ย่อมเห็นผลในระยะยาวแน่นอนครับ
จะให้ดีนั้น ควรจะเคลือบทุกๆครั้งหลังจากล้างรถ
แต่ถ้าไม่สะดวก การเคลือบเดือนละครั้ง ก็ย่อมดีกว่าไม่เคลือบเลยครับผม
ข้อเสียอีกอย่างนึงของการที่ไม่ค่อยจะเคลือบสีเลยคือ
เวลาเราไปเจอสิ่งสกปรก ติดกับผิวรถ ตกค้างอยู่ แล้วเราไม่เจอมัน ไม่ได้ล้างมันออก เช่น ยางมะม่วง หรือยางมะตอย อันนี้สิครับ อันตรายของจริง
เพราะสารพวกนี้ จะกัดผิวรถ กินชั้นแลคเกอร์ และกินผิวสีรถ จนถึงเนื้อโลหะของตัวรถ และสร้างสนิมในเวลาต่อมา
เราจึงจะเห็นได้ในบางครั้ง กับรถเก่าๆหน่อย ที่มีสนิมที่ตัวผิวรถเลย ด้านบนหลังคาบ้าง กระโปรงหน้าบ้าง นั่นเพราะส่วนใหญ่เราไม่ได้เคลือบสีให้มันนั่นเองครับ การปกป้องที่น้อยเกินไป แถมยังไม่ค่อยอาบน้ำล้างสิ่งสกปรกให้มันอีก ก็เหมือนคนเราครับ ถ้าไม่ได้อาบน้ำบ่อยเท่าที่ควร สักพก สิ่งสกปรกก็จะก่อให้เกิดเชื้อโรค และทำลายผิวหนังเราเข้าในสักวันหนึ่งแน่นอนครับผม ^^
เพราะงั้น ถ้าทำได้
แนะนำให้เคลือบสีรถ เป็นระยะๆจะดีกว่านะครับ
แต่ถ้าไม่สะดวกจะทำบ่อยๆ ก็นี่เลยครับ เคลือบแก้ว
ปกป้องได้ดีสุดละครับ อยู่กันไปยาวๆ ไม่ต้องดูแลกันมากเท่าปกติแน่นอนครับผม ^^
เพื่อให้รถเราสีสวยๆ อยู่กับเราไปนานๆนะครับ
เคลือบสีรถยนต์
เคลือบเงารถยนต์
เคลือบแก้วรถยนต์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น