เคลือบแก้ว...ดียังไง..??? เคลือบแก้วแล้ว ช่วยรถเราเรื่องอะไรบ้าง...?? (ชิลคาร์แคร์ พ่นกันสนิม เคลือบแก้ว ศรีราชา ชลบุรี)
เคลือบแก้ว ดียังไง??? ทำไมต้องเคลือบแก้ว???
จริงๆ การเคลือบแก้วนั้น เป็นการ "เพิ่ม" การ "ปกป้อง" ให้กับตัวรถ มากกว่าที่คนส่วนใหญ่ต้องการให้มัน "เงาแว๊บบบบ" นะครับ
การที่รถจะขึ้นเงาจนสวยเฉียบ ใสเนียนกิ๊งๆ ได้นั้น เกิดจากการขัดสี ชักเงา ลบรอยขนแมวเป็นหลักครับ
แต่ก็แน่นอน การขัดสีรถเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวของแลกเกอร์นั้น มันทำให้รถ "สวยขึ้น"
แต่เมื่อใช้งาน ขับขี่รถไปบนท้องถนน ในระยะเวลาหนึ่ง (ซึ่งมักจะไม่นานมากนัก) หากรถไม่ได้รับการปกป้องใดๆ แลกเกอร์ที่อยู่บนชั้นบนสุดของตัวรถ ก็จะได้รับการขัดสีจากฝุ่นผง ละอองดินทราย ต่างๆที่อยู่ในอากาศขณะที่เราขับรถ ก็จะเหมือนๆกับการพ่นทรายใส่รถเราเบาๆนั่นแหละครับ
ผิวแลกเกอร์ก็ย่อมจะถูกทำให้เกิดรอยขึ้นได้ ไม่มากก็น้อย นานๆเข้า สะสมไป ก็จะทำให้ชั้นแลกเกอร์นั้นค่อยๆบางลง บางลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือแลกเกอร์ นั่นถึงทำให้รถเริ่มจะเกิดการ "สีด้าน" ขึ้นครับ
อีกอย่างนึงที่ทำให้ชั้นแลกเกอร์ของรถเราบางลงได้อย่างเห็นได้ชัดเลย ก็คือ "คราบ" ต่างๆครับ สิ่งสกปรกที่เป็นของเหลวต่างๆ ที่มาติดมาเปื้อนรถเรา เช่น ขี้นก ยางไม้ น้ำมัน ปูนซีเมนต์ ยางมะตอย ฯลฯ อะไรก็ตามที่มาติดรถเราแล้วพอมันแห้งแล้ว เรามักจะ "ล้างไม่ออก" ไอ้พวกนี้แหละครับ ที่จะเป็นตัวทำให้ชั้นแลกเกอร์ของรถเรานั้นบางลงได้แบบไม่มีที่สิ้นสุดเลย พูดง่ายๆก็คือ มันมีฤทธิ์ "กัดกร่อน" ไปเรื่อยๆ ทะลุไปได้เรื่อยๆเลยนั่นเองครับ
ชั้นบนสุดของผิวรถเราคือชั้นแลกเกอร์ มีสภาพความเงาและการปกป้องเป็นหลัก ชั้นรองลงมาคือ ชั้น "สี" ของตัวรถครับ จะเป็นลักษณะที่พอพ่นสีเสร็จแล้ว จะด้านๆ ไม่เงามาก ที่เราเห็นเงาๆ ส่วนมากเป็นเพราะแลกเกอร์ชั้นบนครับ
ชั้นล่างกว่านั้น ใต้สีรถ คือตัวถังรถที่เป็นเหล็กนั่นเองครับ
เพราะฉะนั้น กล่าวง่ายๆได้ใจความว่า ชั้นแลกเกอร์ คือชั้นที่จะปกป้องรถเราให้สีรถนั้นดูใหม่ ดูเงางาม อยู่เสมอนั่นเองครับ ยิ่งชั้นแลกเกอร์หนาเท่าไหร่ สีรถก็ยิ่งมีความปลอดภัยมากเท่านั้น
การเคลือบแก้ว คือการเพิ่มความหนา ของชั้นแลกเกอร์ นั่นเองครับ
จริงๆเคลือบแก้วมีหลายเกรดหลายแบบมากๆ ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะไม่ทราบความแตกต่าง เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดมากๆเลยก็คือ การเคลือบแก้วนั้น จะทำให้ชั้นแลกเกอร์ของเราปลอดภัยจากสิ่งต่างๆที่จะทำอันตรายต่อความสวยงามของรถเราได้มากมายจริงๆ
ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การลดการเกาะของน้ำ หรือ Hydroophobics ไอ้ที่ชอบเห็นว่ามีการโปรโมทเรื่องเม็ดน้ำกลมกลิ้งนั่นแหละครับ คือชั้นเคลือบแก้วนั้น จะมีคุณสัมบัติที่เด่นมากๆคือ "ลดการยึดเกาะ" ของสารใดๆที่มาสัมผัสผิวเคลือบแก้วครับ
ถ้าน้ำหรือเคมีของเหลวใดๆมาโดนผิวเคลือบแก้ว มันก็จะติดหนึบได้ยากครับ
อย่างเช่น ขี้นก ถ้าเราไม่ได้เคลือบแก้ว หากโดนเมื่อไหร่แล้วไม่รีบล้างออก ทิ้งไว้สัก 4-5 วัน พอล้างออกดีๆ บางทีก็จะทิ้งคราบขาวๆด้านๆเป็นดวงไว้ตรงรอยที่เปื้อนนั้น หากทิ้งไว้ยาวๆ ไม่ล้างออกเลย ทีนี้ล่ะ งานอาจจะเข้าได้ครับ เพราะกรดยูริคในขี้นก จะค่อยๆกัดผิวชั้นแลกเกอร์จนถึงชั้นสีได้นั่นเอง และถ้าชั้นแลกเกอร์บางจนถึงจุดหนึ่ง มันจะขัดสีชักเงาคืนมาให้ใสปิ๊งไม่ได้อีกแล้วนั่นเองครับ
แต่ถ้าหากป้องกันโดยการ เคลือบแก้ว ไว้ก่อน ขี้นกพวกนี้จะติดกับตัวรถได้ยากมากๆครับ ต่อให้ทิ้งไว้ระยะหนึ่ง มันก็จะทำอันตรายต่อชั้นแลกเกอร์ได้ยาก เพราะมันต้องค่อยๆกัดกร่อนชั้นเคลือบแก้วก่อน ซึ่งยากกว่ากัดกร่อนชั้นแลกเกอร์โดยตรงมากๆครับ
กล่าวโดยสรุปคือ.... การเคลือบแก้ว ช่วยให้รถเรานั้น มีความสวย เงางาม ได้นานกว่าค่าเฉลี่ยมากนักครับ ชั้นแลกเกอร์จะอยู่ได้นานกว่าไม่เคลือบเป็นปีๆทีเดียว (ถ้าได้สารเคลือบแก้วที่มีคุณภาพนะครับ) ถ้าใครอยากให้รถสวยๆ เงาๆ อยู่ได้นานๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสีรถด้าน ด่างดวง เป็นคราบ ฯลฯ และไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถแล้วล่ะก็ การเคลือบแก้ว ช่วยตอบโจทย์ตรงนั้นได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงต้อง เคลือบแก้ว รถเรา....นั่นเองครับ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่เบอร์ 064-4545-951 เลยนะครับ
ร้านชิลคาร์แคร์ ยินดีต้อนรับครับผม ^^
เคลือบแก้ว ศรีราชา ชลบุรี
จริงๆ การเคลือบแก้วนั้น เป็นการ "เพิ่ม" การ "ปกป้อง" ให้กับตัวรถ มากกว่าที่คนส่วนใหญ่ต้องการให้มัน "เงาแว๊บบบบ" นะครับ
การที่รถจะขึ้นเงาจนสวยเฉียบ ใสเนียนกิ๊งๆ ได้นั้น เกิดจากการขัดสี ชักเงา ลบรอยขนแมวเป็นหลักครับ
แต่ก็แน่นอน การขัดสีรถเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวของแลกเกอร์นั้น มันทำให้รถ "สวยขึ้น"
ผิวแลกเกอร์ก็ย่อมจะถูกทำให้เกิดรอยขึ้นได้ ไม่มากก็น้อย นานๆเข้า สะสมไป ก็จะทำให้ชั้นแลกเกอร์นั้นค่อยๆบางลง บางลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือแลกเกอร์ นั่นถึงทำให้รถเริ่มจะเกิดการ "สีด้าน" ขึ้นครับ
อีกอย่างนึงที่ทำให้ชั้นแลกเกอร์ของรถเราบางลงได้อย่างเห็นได้ชัดเลย ก็คือ "คราบ" ต่างๆครับ สิ่งสกปรกที่เป็นของเหลวต่างๆ ที่มาติดมาเปื้อนรถเรา เช่น ขี้นก ยางไม้ น้ำมัน ปูนซีเมนต์ ยางมะตอย ฯลฯ อะไรก็ตามที่มาติดรถเราแล้วพอมันแห้งแล้ว เรามักจะ "ล้างไม่ออก" ไอ้พวกนี้แหละครับ ที่จะเป็นตัวทำให้ชั้นแลกเกอร์ของรถเรานั้นบางลงได้แบบไม่มีที่สิ้นสุดเลย พูดง่ายๆก็คือ มันมีฤทธิ์ "กัดกร่อน" ไปเรื่อยๆ ทะลุไปได้เรื่อยๆเลยนั่นเองครับ
ชั้นบนสุดของผิวรถเราคือชั้นแลกเกอร์ มีสภาพความเงาและการปกป้องเป็นหลัก ชั้นรองลงมาคือ ชั้น "สี" ของตัวรถครับ จะเป็นลักษณะที่พอพ่นสีเสร็จแล้ว จะด้านๆ ไม่เงามาก ที่เราเห็นเงาๆ ส่วนมากเป็นเพราะแลกเกอร์ชั้นบนครับ
ชั้นล่างกว่านั้น ใต้สีรถ คือตัวถังรถที่เป็นเหล็กนั่นเองครับ
เพราะฉะนั้น กล่าวง่ายๆได้ใจความว่า ชั้นแลกเกอร์ คือชั้นที่จะปกป้องรถเราให้สีรถนั้นดูใหม่ ดูเงางาม อยู่เสมอนั่นเองครับ ยิ่งชั้นแลกเกอร์หนาเท่าไหร่ สีรถก็ยิ่งมีความปลอดภัยมากเท่านั้น
การเคลือบแก้ว คือการเพิ่มความหนา ของชั้นแลกเกอร์ นั่นเองครับ
จริงๆเคลือบแก้วมีหลายเกรดหลายแบบมากๆ ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะไม่ทราบความแตกต่าง เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดมากๆเลยก็คือ การเคลือบแก้วนั้น จะทำให้ชั้นแลกเกอร์ของเราปลอดภัยจากสิ่งต่างๆที่จะทำอันตรายต่อความสวยงามของรถเราได้มากมายจริงๆ
ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การลดการเกาะของน้ำ หรือ Hydroophobics ไอ้ที่ชอบเห็นว่ามีการโปรโมทเรื่องเม็ดน้ำกลมกลิ้งนั่นแหละครับ คือชั้นเคลือบแก้วนั้น จะมีคุณสัมบัติที่เด่นมากๆคือ "ลดการยึดเกาะ" ของสารใดๆที่มาสัมผัสผิวเคลือบแก้วครับ
ถ้าน้ำหรือเคมีของเหลวใดๆมาโดนผิวเคลือบแก้ว มันก็จะติดหนึบได้ยากครับ
อย่างเช่น ขี้นก ถ้าเราไม่ได้เคลือบแก้ว หากโดนเมื่อไหร่แล้วไม่รีบล้างออก ทิ้งไว้สัก 4-5 วัน พอล้างออกดีๆ บางทีก็จะทิ้งคราบขาวๆด้านๆเป็นดวงไว้ตรงรอยที่เปื้อนนั้น หากทิ้งไว้ยาวๆ ไม่ล้างออกเลย ทีนี้ล่ะ งานอาจจะเข้าได้ครับ เพราะกรดยูริคในขี้นก จะค่อยๆกัดผิวชั้นแลกเกอร์จนถึงชั้นสีได้นั่นเอง และถ้าชั้นแลกเกอร์บางจนถึงจุดหนึ่ง มันจะขัดสีชักเงาคืนมาให้ใสปิ๊งไม่ได้อีกแล้วนั่นเองครับ
แต่ถ้าหากป้องกันโดยการ เคลือบแก้ว ไว้ก่อน ขี้นกพวกนี้จะติดกับตัวรถได้ยากมากๆครับ ต่อให้ทิ้งไว้ระยะหนึ่ง มันก็จะทำอันตรายต่อชั้นแลกเกอร์ได้ยาก เพราะมันต้องค่อยๆกัดกร่อนชั้นเคลือบแก้วก่อน ซึ่งยากกว่ากัดกร่อนชั้นแลกเกอร์โดยตรงมากๆครับ
กล่าวโดยสรุปคือ.... การเคลือบแก้ว ช่วยให้รถเรานั้น มีความสวย เงางาม ได้นานกว่าค่าเฉลี่ยมากนักครับ ชั้นแลกเกอร์จะอยู่ได้นานกว่าไม่เคลือบเป็นปีๆทีเดียว (ถ้าได้สารเคลือบแก้วที่มีคุณภาพนะครับ) ถ้าใครอยากให้รถสวยๆ เงาๆ อยู่ได้นานๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสีรถด้าน ด่างดวง เป็นคราบ ฯลฯ และไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถแล้วล่ะก็ การเคลือบแก้ว ช่วยตอบโจทย์ตรงนั้นได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงต้อง เคลือบแก้ว รถเรา....นั่นเองครับ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่เบอร์ 064-4545-951 เลยนะครับ
ร้านชิลคาร์แคร์ ยินดีต้อนรับครับผม ^^
เคลือบแก้ว ศรีราชา ชลบุรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น